55

 บทที่ 13 ไฟฟ้ากระแส

  ไฟฟ้ากระแส

     ไฟฟ้ากระแส คือ การไหลของอิเล็กตรอนภายใน ตัวนำไฟฟ้าจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งเช่น ไหลจาก แหล่งกำเนิดไฟฟ้าไปสู่แหล่ง ที่ต้องการใช้กระ แสไฟฟ้า ซึ่งก่อให้เกิด แสงสว่าง เมื่อกระแส ไฟฟ้าไหลผ่านลวด ความต้านทานสูงจะก่อให้ เกิดความร้อน เราใช้หลักการเกิดความร้อน เช่นนี้มาประดิษฐ์อุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น เตาหุงต้ม เตารีดไฟฟ้า เป็นต้น

แบ่งเป็น 2 ชนิด

- ไฟฟ้ากระแสตรง ( Direct Current หรือ D .C )
- ไฟฟ้ากระแสสลับ ( Alternating Current หรือ A.C. )

  ไฟฟ้ากระแสตรง ( Direct Current หรือ D .C )

     เป็นไฟฟ้าที่มีทิศทางการไหลไปทางเดียว ตลอดระยะเวลาที่วงจรไฟฟ้าปิดกล่าว คือ กระแสไฟฟ้าจะไหลจากขั้วบวก ภายในแหล่งกำเนิด ผ่านจากขั้วบวกจะไหลผ่านตัวต้านหรือโหลดผ่านตัวนำไฟฟ้าแล้ว ย้อนกลับเข้าแหล่งกำเนิดที่ขั้วลบ วนเวียนเป็นทางเดียวเช่นนี้ตลอดเวลา การไหลของไฟฟ้ากระแสตรงเช่นนี้ แหล่งกำเนิดที่เรารู้จักกันดีคือ ถ่าน-ไฟฉาย ไดนาโม ดีซี เยนเนอเรเตอร์ เป็นต้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภท

  ไฟฟ้ากระแสตรงประเภทไม่สม่ำเสมอ( Pulsating D.C)

เป็นไฟฟ้ากระแสตรงที่เป็นช่วงคลื่นไม่สม่ำเสมอ ไฟฟ้ากระแสตรงชนิดนี้ได้มาจากเครื่องไดนาโมหรือ วงจรเรียงกระแส (เรคติไฟ )

  คุณสมบัติของไฟฟ้ากระแสตรง

  ประโยชน์ของไฟฟ้ากระแสตรง

  ไฟฟ้ากระแสสลับ ( Alternating Current หรือ A.C. )

     เป็นไฟฟ้าที่มีการ ทั้งขนาดของกระแสและแรงดันไม่คงที่ คือ กระแสจะไหลไปทางหนึ่งก่อน ต่อมาก็จะไหลสวนกลับแล้ว ก็เริ่มไหลเหมือนครั้งแรก ครั้งแรกกระแสไฟฟ้าจะไหลจากแหล่งกำเนิดไปตามลูกศรเส้นหนัก เริ่มต้นจากศูนย์ แล้วค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนถึงขีดสุด แล้วมันจะค่อยๆลดลงมาเป็นศูนย์อีกต่อจากนั้นกระแสไฟฟ้าจะไหลจากแหล่งกำเนิดไปตามลูกศรเส้นปะลดลงเรื่อยๆจนถึงขีด ต่ำสุด แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงศูนย์ตามเดิมอีก เมื่อเป็นศูนย์แล้วกระแสไฟฟ้าจะไหลไปทางลูกศรเส้นหนักอีกเป็นดังนี้ เรื่อยๆไปการที่กระแสไฟฟ้าไหลไปตามลูกศร เส้นหนักด้านบนครั้งหนึ่งและไหลไปตามเส้นประด้านล่างอีกครั้งหนึ่ง เวียน กว่า 1 รอบ ( Cycle )

ความถี่

     หมายถึง จำนวนลูกคลื่นไฟฟ้ากระแสสลับที่เปลี่ยนแปลงใน 1 วินาที กระแสไฟฟ้าสลับในเมืองไทยใช้ไฟฟ้าที่มี ความถี่ 50 เฮิรตซ์ ซึ่งหมายถึง จำนวนลูกคลื่นไฟฟ้าสลับที่เปลี่ยนแปลง 50 รอบ ในเวลา 1 วินาที

คุณสมบัติของไฟฟ้ากระแสสลับ

ประโยชน์ของไฟฟ้ากระแสสลับ

การนำไฟฟ้า

     ตัวนำไฟฟ้า เป็นตัวกลางให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่าน การนำไฟฟ้า เกิดจากอิสระ ไอออนบวก ไอออนลบ

กระแสไฟฟ้าในตัวนำ

  • สำหรับปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านนตัวนำนั้นสามารถคำนวณหาขนาดได้จากสมการ
  • สำหรับขนาดของประจุ ( Q ) ที่ไหลผ่านตัวนำเราสามารถหาได้จากสมการ
  • การคำนวณหาปริมาณกระแสไฟฟ้าซึ่งเกิดในเส้นลวดตัวนำนั้นยังอาจหาได้จากสมการ
  •       I = กระแสไฟฟ้า มีหน่วยเป็นแอมแปร์ (A)
          Q = จำนวนประจุทั้งหมด มีหน่วยเป็นคูลอมบ์
          t = เวลาที่อนุภาคเคลื่อนที่ผ่าน มีหน่วยเป็นวินาที
          n = จำนวนอิเลคตรอนอิสระในหนึ่งหน่วยปริมาตร ของตัวนำ
          e = ประจุไฟฟ้าของอิเลคตรอน = 1.6×10⁻¹⁹ คูลอมบ์
          v = ความเร็วของอิเลคตรอนในตัวนำ หน่วยเป็น เมตร/วินาที
          A = พื้นที่ภาคตัดขวางของตัวนำ หน่วยเป็น ตารางเมตร

    ทิศของกระแสไฟฟ้าจะมีทิศทางไปทางเดียวกับสนามไฟฟ้า หรือจากจุด ที่มีศักย์ไฟฟ้าสูงไปยังจุดที่มีศักย์ไฟฟ้าต่ำ แต่จะมีทิศทางตรงข้ามกับกระแสอิเลคตรอน(ประจุลบ)

    กฎของโอห์ม

          เมื่ออุณหภูมิคงที่ ค่าของกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านในตัวนำ จะแปรผันตรงกับความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่าง ปลายทั้งสองของตัวนำนั้น

         V = ความต่างศักย์ มีหน่วยเป็นโวลต์ (V)
         I = กระแสไฟฟ้า มีหน่วยเป็นแอมแปร์ (A)
         R = ความต่านทาน มีหน่วยเป็นโอห์ม(Ω)

    ความต้านทานและสภาพต้านทาน

         R = ความต้านทานไฟฟ้า
         P = สภาพต้านทาน
         L = ความยาว
         A = พื้นที่หน้าตัด (ตร.ม.)

    อุปกรณ์วัดทางไฟฟ้า

  • เป็นอุปกรณ์ที่ถูกดัดแปลงมาจากแกลแวนอมิเตอร์ จะมีความต้านทานน้อยเพื่อวัดกระแสได้มากๆ ใช้วัดโดยการต่อแบบอนุกรม
  • ใช้วัดค่าโดยนำไปต่อแบบขนานกับวงจร โวลต์มิเตอร์ที่ดีจะต้องมีความต้านทานมากเพื่อกระแสไฟฟ้าจะได้ผ่านน้อย
  • หา'กระแสไฟฟ้า'กัน


    กรพแสไฟฟ้า(I) แอมแปร์(A)
    จำนวนประจุทั้งหมด(Q) คูลอมบ์(C)
    เวลาที่อนุภาคเคลื่อนที่ผ่าน(t) วินาที(s)


    ———————————



    จำนวนประจุทั้งหมด(Q) คูลอมบ์(C)
    จำนวนอิเลคตรอนอิสระในหนึ่งหน่วยปริมาตรของตัวนำ(n)



    ———————————



    กระแสไฟฟ้า(I) แอมแปร์(A)
    จำนวนอิเลคตรอนอิสระในหนึ่งหน่วยปริมาตร(n)
    ความเร็วของอิเลคตรอนในตัวนำ(v) เมตรต่อวินาที(m/s)
    พื้นที่ภาคตัดขวางของตัวนำ(A) ตารางเมตร(m²)



    ———————————


    หา'ความต้านทาน'กัน


    ความต่างศักย์(V) โวลต์(V)
    กระแสไฟฟ้า(I) แอมแปร์(A)
    ความต่างศักย์(R) โอห์ม(Ω)


    ———————————


    หา'พลังงานไฟฟ้า'กัน


    พลังงานไฟฟ้า(W) จูล(J)
    กำลังไฟฟ้า(P) วัตต์(W)
    เวลา(t) วินาที(s)


    ———————————


    หา'กำลังไฟฟ้า'กัน


    กำลังไฟฟ้า(P) วัตต์(W)
    กระแสไฟฟ้า(I) แอมแปร์(A)
    ความต่างศักย์(V) โวลต์(V)


    ———————————


    กำลังไฟฟ้า(P) วัตต์(W)
    กระแสไฟฟ้า(I) แอมแปร์(A)
    ความต่างศักย์(R) โอห์ม(Ω)


    ———————————


    กำลังไฟฟ้า(P) วัตต์(W)
    ความต่างศักย์(V) โวลต์(V)
    ความต่างศักย์(R) โอห์ม(Ω)


    ———————————


    หา'ความต้านทานในตัวนำ'กัน


    ความต้านทานในตัวนำ(R) โอห์ม(Ω)
    ความยาวตัวนำ(L) เมตร(m)
    พื้นที่หน้าตัดตัวนำ(A) ตารางเมตร(m²)
    สภาพต้านทานไฟฟ้าของสาร(ρ) โอห์ม.เมตร(Ω.m)


    ———————————


    แบบทดสอบเรื่อง ไฟฟ้ากระแส

    rmutphysics Quizizz
    Thai Physics Society site.google

    แหล่งที่มา

    http://nitchara00.blogspot.com/


    แหล่งที่มา แบบทดสอบ

    http://www.rmutphysics.com/

    https://quizizz.com/

    http://www.thaiphysoc.org/

    https://sites.google.com/site/

    http://www.thaischool1.in.th/